Featured People

“เบนซ์ บีนทาวน์” ผู้จัดการทีมยังบลัด แห่งภูเก็ตเอฟซี

ปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย (เบนซ์ บีนทาวน์)

ปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย (เบนซ์ บีนทาวน์) คือลูกชายคนเดียวของนักธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ทชื่อดังของภูเก็ต และเจ้าของทีมฟุตบอล ภูเก็ต เอฟซี “คุณประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย” กับอดีตสมาชิกวุฒิสภา “ธันยรัศม์ อัจฉริยะฉาย” เบนซ์ ในวันนี้ซึ่งเป็นหนุ่มเต็มตัว พร้อมที่จะสานต่อสิ่งที่ตระกูลได้สร้างไว้ ในธุรกิจครอบครัวเช่นโรงแรม การเปลี่ยนผ่านสู่เจเนอเรชั่นใหม่ จะเป็นลักษณะค่อยไปค่อยไปและมีตัวช่วยเสมอ เบนซ์ พึ่งศึกษาจบระดับมหาวิทยาลัย จากสหรัฐอเมริกา กลับเลือกมากู้ศักดิ์ศรีภูเก็ต รับไม้ต่อจากสิ่งที่ผู้เป็นพ่อได้เริ่มต้นไว้ ด้วยการรับหน้าที่ผู้จัดการทีมภูเก็ตเอฟซี  เพราะการทำทีมฟุตบอลอาชีพ ผลแพ้-ชนะ คือความคาดหวังที่ถาโถม ดังนั้นภารกิจนี้สำหรับตระกูลอัจฉริยะฉาย ถือเป็นเผือกร้อน เป็นภารกิจเร่งด่วนปริยวิศว์ อัจฉริยะฉาย (เบนซ์ บีนทาวน์)

สำหรับความคิดคนทั่วไปการที่เด็กหนุ่ม เกิดมาในครอบครัวร่ำรวย จะทำงานอะไรที่ถูกปูทางไว้ก่อนแล้ว คงเป็นเรื่องธรรมดา แต่เราคิดว่าการทำทีมฟุตบอล ภูเก็ตเอฟซี ไม่ง่าย และไม่ได้เป็นเพียงธุรกิจของครอบครัวอัจฉริยะฉายเท่านั้น แต่เป็นหน้าเป็นตาของชาวภูเก็ต ในการมีทีมที่เก่งกาจและสามารถแข่งขันในสังเวียนฟุตบอลระดับชาติ ดังนั้นเราจึงสนใจในตัว เบนซ์ บีนทาวน์ กับการอาสามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีม ด้วยความกล้า และเป็นคนที่มีบุคลิกน่าสนใจ เราจึงขอนัดสัมภาษณ์กับเขา เพื่อเจาะลึกความคิด และแนะนำตัวตนที่แท้จริง ให้กับผู้อ่าน Phuketindex.com ได้รู้จัก

เบรกเรื่องฟุตบอล แล้วมารู้จักกับ เบนซ์ บีนทาวน์ ก่อนดีกว่า เริ่มต้นด้วยชีวิตในวัยเด็ก…

เบนซ์ เริ่มต้นเรียนระดับประถมศึกษาที่ โรงเรียนไทยหัว ต่อด้วยโรงเรียนนานาชาติดัลลิช (ปัจจุบันคือ บริติชภูเก็ต) ซึ่งสิ่งที่เด็กผู้ชายคนนี้สนใจเป็นพิเศษคือ เตะฟุตบอล จนได้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า ของทีมเยาวชนจังหวัดภูเก็ต หลังจากนั้นจึงสอบคัดเลือกไปเรียนต่อที่ โรงเรียนอัสสัมชัญ ธนบุรี (ชั้นนำด้านฟุตบอล) เพื่อกรุยทางเอาดีด้านกีฬาประเภทนี้อย่างเต็มที่ เบนซ์เล่าเรื่องในวันวานว่า “คือผมเป็นคนที่ทำอะไรต้องสุด เราชอบเตะฟุตบอล ต้องตั้งเป้าหมาย และแน่นอนว่าสำหรับนักบอลนักเรียนทุกคน การติดเยาวชนทีมชาติไืทย คือความฝันที่ยิ่งใหญ่มาก ตอนนั้นผมต้องปะทะทางความคิดกับครอบครัว เพื่อโน้มน้าวให้ท่านเชื่อมั่นในตัวเรา และสนับสนุนเรา”

เชื่อว่าชีวิตทุกคนต้องพบกับจุดเปลี่ยนในชีวิต สำหรับเบนซ์ในตอนนั้นความคิดเรื่องติดทีมชาติ ระดับเยาวชน คือแรงปรารถนาเดียวที่สั่งการให้ต้องฝึกซ้อมและมีวินัยอย่างมาก แต่เมื่อเส้นทางมาถึงทางแยก เบนซ์ไม่มีชื่อติดทีมชาติอย่างที่คาดหวังไว้ สำหรับเด็กอายุเพียง 14-15 ความคิดแย่ๆ ประเดประดัง… “ตอนนั้นรู้สึกว่าเราหมดแล้ว เราล้มเหลว ไม่เหลืออะไรแล้ว มันเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนตัวเราไปหมดเลย คือผมเด็กมากในตอนนั้น เราไม่ได้เผื่อใจผิดหวัง เพราะเราทุ่มเทมาก ผมจึงรู้สึกว่าพอแล้ว ทางคุณพ่อจึงตัดสินใจส่งเราไปเรียนไฮสคูล-และมหาวิทยาลัยที่เมืองบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา”

เบนซ์ บีนทาวน์

ชีวิตในเมืองบอสตัน… 

“ตอนนั้นผมไม่อยากไปเลยนะ เราก็เป็นเด็กดื้อๆ คนหนึ่ง ชีวิตที่นั่นมันยากมาก มันไม่สนุกและไม่หรูหราเหมือนที่ใครๆ คิดหรอก อย่างที่ภูเก็ตผมก็คุ้นเคยกับกลุ่มเพื่อนที่เป็นนานาชาติ เพราะที่นี่เราเปิดกว้่างรับวัฒนธรรมอื่นๆ เป็นปกติ แต่สำหรับสังคมอเมริกัน คนที่นั่นเขาอยู่และใช้ทั้งชีวิตที่บ้านของเขา มุมมองโลกจึงเหมือนกับพวกเขาเป็นใหญ่สุด แต่สำหรับเราเป็นเพียงผู้มาเยือน ในช่วงแรกๆ นับว่าหินมากสำหรับการปรับตัว”

เบนซ์พยายามหาตัวตนต่อไป และเริ่มทำความรู้จักกับกับดนตรีแบบจริงจัง เริ่มจากการฟังเพลงแจ๊ซ ของคนผิวสีที่นั่น และรู้สึกว่าโน้ตดนตรีและท่วงทำนองต่างๆ น่าทึ่ง น่าค้นหา และคงวิเศษไม่น้อยหากสามารถเล่นเครื่องดนตรีเหล่านั้นได้ “ผมเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง แถมเราอยู่ที่นั่นเวลาว่างเยอะ ผมจึงเริ่มฟังเพลงทุกแนว และก็ได้ฝึกฝน ค้นหาตัวเองว่าเราต้องการเป็นอะไร ประกอบกับได้รู้จักกับกลุ่มชาวเอเชีย และเพื่อนคนไทยที่นั่นซึ่งมีความสามารถเรื่องการร้อง และดนตรีที่น่าสนใจมาก จึงเป็นอีกแรงผลักดันให้ผมเริ่มจริงจังกับมัน” ต่อมาเบนซ์ ได้ฟอร์มวงดนตรีขึ้นมาชื่อว่า “บีนทาวน์” (เป็นฉายาของเมืองบอสตัน) โดยเล่นดนตรีประเภท Soul Funk – Hip Hop และทำการแสดงในงานเลี้ยงต่างๆ ของชุมชนชาวไทยในบอสตัน (มีจำนวนหลายร้อยคน)

ปัจจุบัน Beantown Project เป็นค่ายเพลงอิสระ ที่ผลิตผลงานอย่างต่อเนื่องโดยนำเสนอผ่านเว็บไซต์อย่าง youtube.com และมีกลุ่มแฟนคลับที่ชื่นชอบและติดตาม โดยเบนซ์ทำหน้าที่เป็น Producer-Composer ที่แต่งเนื้อร้อง-ทำนอง ติดตามผลงานที่ youtube.com/thebeantownproject

ศักดิ์ศรีภูเก็ต…

ในหลายๆ ปีที่ผ่านมาวงการฟุตบอลลีกของไทย เรียกว่าพีคถึงขีดสุด และทีมฟุตบอลภูเก็ตเอฟซี ค่อยๆ สร้างทีมจนถึงระดับดิวิชั่น 1 และมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อทีมไม่มีเจ้าของทีมบริหาร (อบจ.ภูเก็ต ถอนตัวออก) โดยได้เครือกะตะ กรุ๊ป ในนามของคุณประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย เข้ามาอุ้มทีมไว้และบริหารด้วยตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่ชอบจริงคงไม่มีใครยอมมาทำ เพราะใช้เงินในการทำทีมสูงมาก จนเกิดเป็นวลีเด็ดของคุณประมุขพิสิฐที่ว่า “เหมือนขับรถเบนซ์ทิ้งลงทะเลทุกเดือน” แต่ก็มักให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อเสมอว่านี่คือ “ศักดิ์ศรีภูเก็ต” เป็นทีมบอลของชาวภูเก็ต และตั้งเป้าขึ้นไปเล่นไทยลีก ด้วยการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ แต่ผ่านไปสัก 2 ฤดูกาล เมื่อผลงานไม่เข้าเป้า กระแสตำหนิจากแฟนบอลท้องถิ่น สั่นคลอนกำลังใจของเจ้าของทีมพอสมควร แต่ขี่หลังเสือแล้วจะลงง่ายๆ คงใช้ไม่ได้กับนักธุรกิจใหญ่คนนี้ ต่อมาคุณประมุขพิสิฐ มอบหมายตำแหน่งผู้จัดการให้กับลูกชายมารับผิดชอบเต็มตัว เพื่อพัฒนาทีมด้วยมุมมอง และไอเดียของคนรุ่นใหม่ ยังบลัด

ภูเก็ตเอฟซี

เบนซ์ เล่าให้เราฟังว่า “คุณพ่อโดนกระแสกดดันเยอะมาก ทั้งที่ท่านเสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง ผมอยากจะปกป้องท่าน แต่ทั้งนี้ผมขอกับคุณพ่อก่อนแล้วว่า ต้องให้อำนาจเต็มในการบริหารกับผม 100% ซึ่งท่านก็โอเค วงการฟุตบอลเป็นวงการที่ทำงานยากมากก็จริง แต่ผมเองมีความหลงใหลด้านฟุตบอลอยู่แล้ว ถือเป็นงานที่ท้าทาย และผมเชื่อมั่นอยู่แล้วว่าทีมงานในภูเก็ตเอฟซี มีความสามารถสูงมาก และเราก็จะทำงานก้าวไปข้างหน้าด้วยการบริหารจัดการแบบมืออาชีพ รวมถึงเรามั่นใจว่าการที่เราเริ่มทำอคาเดมี่ฟุตบอลสำหรับเยาวชน และการสร้างกระแสความนิยมในฟุตบอล ทีมของเราจะมีอนาคตที่สดใส และอยู่ได้ในระยะยาว แม้ว่าจะเปลี่ยนแปลงบุคลากรในด้านไหนๆ ทีมต้องอยู่ ทีมต้องเหมือนเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะต้องใช้เวลาในการวางกลไกต่างๆ อาจจะช้าหน่อยแต่ต้องสำเร็จแน่นอน”

ภูเก็ตเอฟซี

ภูเก็ตเอฟซี ภายใต้การทำทีมของ เบนซ์ บีนทาวน์

เป็นที่ฮือฮาตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาลที่ เบนซ์ บีนทาวน์ แถลงข่าวเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมภูเก็ตเอฟซี และเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงโลโก้สโมสรแบบใหม่หมดจด พร้อมเปลี่ยนฉายาจาก กิเลนทะเลใต้ เป็น โรนินแดนใต้ และเปลี่ยนโฉมแผนการตลาดและงานประชาสัมพันธ์ หากใครที่ตามข่าวสารอยู่เสมอ จะเห็นได้ชัดว่ามีสีสันขึ้นและเข้าถึงแฟนบอลได้รวดเร็ว ซึ่งเป็นผลพวงมาจากการเกิดขึ้นของ รีพลับบิก ภูเก็ต (Republic Phuket) ที่รวบรวมทีมงานครีเอทีฟสร้างสรรค์ภาพลักษณ์ของสโมสร นักเตะ และเข้าถึงแฟนบอลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อีกทั้งยังมีการทุ่มทุนสร้าง Sport Club มาตรฐานสากลทีมีทั้งสนามซ้อมหญ้าเทียม 3 สนาม และเป็น Headquarter หลักของสโมสรที่นักบอลท้องถิ่นสามารถมาโชว์ฝีเท้าภายใต้สายตาแมวมองของทีม

เบนซ์เสริมว่า “ผมเข้าใจถึงความคาดหวังของแฟนบอลให้ทีมเราชนะให้มากที่สุด เพื่อขึ้นชั้นไปเล่นในไทยลีกเร็วๆ แต่ขอให้ทำความเข้าใจว่าทีมงานเราก็ต้องการเช่นกัน เราทำงานอย่างหนัก แต่เรื่องของกีฬาเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา บางทีเราเล่นดีแต่แพ้ ดังนั้นเป็นสิ่งที่ต้องปรับกันไปเรื่อยๆ ขอให้แฟนบอลร่วมเป็นกำลังใจ และเชียร์พวกเรา อย่าต่อต้าน เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีภูเก็ต และสร้างบรรยากาศภายในสนามให้เป็นที่เกรงขามของคู่แข่ง”

เราถามว่าสิ่งใดคือความสำเร็จในการทำทีมฟุตบอลของเขา เบนซ์ตอบเราว่า…

“เวลาที่ทีมเราชนะในสนา่มสุระกุล ความรู้สึก และความดีใจของแฟนบอล เป็นบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่มาก ผมคิดว่าน่าภูมิใจนะที่เรามีส่วนทำให้ชาวภูเก็ตมีความสุข สิ่งนี้คือความสำเร็จในมุมส่วนตัวของผม จุดประสงค์ที่ครอบครัวของผมทำทีมฟุตบอล ก็เพื่อให้เกิดช่วงเวลาแบบนี้แหละ ที่ชาวภูเก็ตจะได้เข้ามาทำกิจกรรมร่วมกัน และส่งแรงเชียร์ให้กับทีมฟุตบอลของบ้านเรา”

สนามฟุตบอลภูเก็ตรีพลับบิก
สนามฟุตบอลภูเก็ตรีพลับบิก
พื้นที่สปอร์ตคลับ ภูเก็ตรีพลับบิก
พื้นที่สปอร์ตคลับ ภูเก็ตรีพลับบิก

ร่วมแสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.