หรอยๆ ของกินภูเก็ต หรอยๆ แวะมาภูเก็ตทั้งที ก็ต้องแวะมาลองชิมอาหารพื้นเมืองภูเก็ตกันสักมื้อ เพราะอาหารพื้นเมือง ภูเก็ตได้ชื่อว่าอร่อยและมีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง ที่สามารถบ่งบอกถึงวัฒนธรรมการกินของภูเก็ตได้เป็นอย่างดี และสามารถสืบทอดกันมาจนถึงทุกวันนี้
ภูเก็ตเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร อาหารของชาวภูเก็ต เป็นอาหารที่ได้รับการผสมผสานทางวัฒนธรรม ของชาวพื้นเมือง ไทย- มลายู และชาวจีน ดังนั้นอาหารภูเก็ตจึงมีรสจัดแบบอาหารใต้ทั่วไป แต่มีกลิ่นอายของความเป็นจีนผสมอยู่ เพราะชาวจีนเป็น ชนกลุ่มใหญ่ที่สุดในภูเก็ตนั่นเอง
พูดถึงอาหารพื้นเมืองอร่อยๆของภูเก็ตแล้ว นับได้ว่า “หมี่หุ้นกระดูกหมู” ก็เป็นหนึ่งในลิสต์ความอร่อยเหมือนกัน ภูเก็ตมีอาหารพื้นเมืองทั้งคาวหวานที่มีรูปแบบ วิธีการปรุงและรสชาติแตกต่างจากที่อื่นหลายชนิด ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของภูเก็ต ที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาลิ้มลองรสชาติ และซื้อหากลับไปเป็นของฝากอยู่เสมอ
อาหารพื้นเมืองอีกอย่างหนึ่งของภูเก็ตที่ได้รับความนิยมรับประทานกันมากคือ “หมี่หุ้นหรือหมี่ขาวผัดซีอิ๊ว” โรยหน้าด้วยหอมเจียว กับต้นหอมซอย เสิร์ฟพร้อมกับน้ำซุปกระดูกหมูน้ำใส คนที่เป็นต้นตำรับของอาหารประเภทนี้คือ ” ป้าช้าง ” ถ้าอ่านแบบสำเนียงทางใต้จะ ออกเสียงว่า “หมี่-หุ้น-ปา-ฉ่าง” หรือที่บางคนเรียกว่า หมี่หุ้นป้าฉ่าง ตามความหมายนจะมาจาก หมี่หุ้น ก็คือ เส้นหมี่
ความอร่อยกลมกล่อมของหมี่หุ้น ที่ผัดแบบแห้งๆ กับความหอมหวานของน้ำซุปกระดูกหมูร้อนๆ ที่ช่วยให้การรับประทานราบรื่น คล่องคอ
สูตรเด็ดอยู่ที่กระดูกหมู กระดูกหมูกับน้ำซุปนั้นใช้กระดูกคนละอย่างกัน ต้มกันคนละหม้อ เพื่อจะได้ไม่ทำให้เนื้อเปื่อยเกินไป และจะใส่อ้อยลงไปด้วยเวลาต้มเพื่อให้ ความหวานของอ้อยนั้น จะได้ซึมเข้าไปในกระดูกหมู ความหวานที่ซึมอยู่ในเนื้อติดกระดูกนั้น จึงเป็นความหวานซ่าน ไ หากซื้อไปทานที่บ้านก็จะได้รสชาติไปอีกแบบ
“หมี่หุ้นป้าฉ่างเป็นอีกเมนูหนึ่งที่อยากแนะนำและอยากให้ลองทาน ก่อนจะรู้สึกเหมือนว่ามาไม่ถึงภูเก็ตเสียแล้ว หมี่หุ้นป้าฉ่างก็คือ หมี่ขาวผัดน้ำมัน ใส่น้ำตาล ฉีดฉิวเฉ้ง (ซีอิ๊วขาว) โรยหอมเจียวและต้นหอม ทานกับน้ำซุปกระดูกหมูถ้วยน้อยที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน หน้าตาของอาหารจานนี้จะว่าไปก็ไม่ได้ดูวิเศษเลิศลอยแต่อย่างใด เส้นหมี่ผัดแห้ง ๆ ธรรมดา แต่มีความสามารถในการดึงดูดให้คนชอบทาน ทานคู่กับน้ำซุปรสกลมกล่อมร้อน ๆ โรยพริกไทยป่นหน่อย เผลอ ๆ หมดจานไม่รู้ตัว”