การเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กๆเป็นอย่างมากนะคะ นอกจากเป็นวัยที่กำลังอยากรู้อยากเห็นแล้ว เรียนการเรียนและการใช้ชีวิตจึงเป็นสิ่งสำคัญมากที่พ่อแม่ไม่ควรมองข้าม เพราะจะส่งผลต่อไปในระยะยาวได้ เช่นถ้าเค้าสนุกและมีกำลังใจการเรียนตั้งแต่เด็กๆ พอโตขึ้นเค้าก็จะมีทัศนคติที่ดี สำหรับพ่อแม่ท่านไหนที่มีลูกๆงอแงเวลาจะต้องไปโรงเรียนแล้วล่ะก็ วันนี้มีบทความดีๆมาแนะนำค่ะ
6 วิธีทำให้ลูกอยากเรียนหนังสือมาบอกคุณพ่อคุณแม่ที่มีลุกไม่ค่อยตั้งใจเรียนหรือไม่อยากเรียน ไปดูกันว่าคุณหมอแนะนำอะไรบ้าง
สิ่งแรกที่พ่อแม่จะต้องปลูกสร้างในตัวลูก คือ ทำอย่างไรให้ลูกอยากเรียนหนังสือ เพราะถ้าลูกไม่อยากเรียนซะอย่าง เรื่องที่จะให้เรียนเก่ง เรียนดี คงหวังยาก ยกเว้นก็เฉพาะพวกยอดมนุษย์ที่ให้ทำอะไรก็ทำได้และทำได้ดีเสียด้วย
มาเริ่มกันเลยค่ะ อันดับแรกต้องเริ่มที่… สร้างแรงบันดาลใจ
ลองนึกเล่นๆ ว่า ที่เรากำลังทำงานทำการอยู่นี้เพื่ออะไรกัน ถ้าตอบว่าทำเพราะรักและสนุกกับงานที่ทำ ได้รับการยอมรับจากผู้คน รวมทั้งรายได้ดีด้วย ก็ขอแสดงความยินดีด้วย แต่ถ้าตอบว่าที่ทนทำอยู่นี่ก็เพื่อเงินเท่านั้นแหละ ถ้าเลิกได้เลิกไปนานแล้ว เพราะคิดดูแล้วยังมองอนาคตไม่เห็นเลย กรณีนี้ต้องบอกว่าน่าเศร้า เพราะว่าชีวิตน่าจะเหมือนกับผีตายซาก
ถ้าเราอธิบายให้ลูกมองเห็นอนาคตข้างหน้าว่า ถ้าตั้งใจเรียนหนังสือแล้วจะได้อะไร จะเป็นอะไร เชื่อว่าอย่างน้อยลูกก็จะเห็นหนทางข้างหน้า การเฝ้าแต่พูดเพ้อเจ้อให้”ขยันเรียนนะลูกๆ” ไม่น่าจะช่วยอะไร และยังน่าเบื่ออีกต่างหาก
การหาหนังสือประวัติบุคคลสำคัญ หรือเล่าประวัติบุคคลสำคัญที่ประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนให้ลูกอ่าน หรือฟังก็เป็นหนทางที่ดีอย่างหนึ่ง และที่ดีที่สุดก็คือ ถ้าพ่อแม่เองก็เป็นคนที่รักการเรียนจนประสบความสำเร็จในชีวิต ก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของลูกโดยไม่ต้องพูดหรือเคี่ยวเข็ญ
อันดับสอง … ให้คำชมและรางวัล
เรื่องนี้สำคัญมาก คนเราเกิดมาต้องการคนชม ต่อให้แก่แล้วก็ต้องการคนชม แต่ว่าบางทีถ้าชมไม่ดีก็เป็นการเสแสร้ง หรือพร่ำเพรื่อก็ไม่มีประโยชน์ เช่นเดียวกับรางวัลที่ให้ เด็กที่เราชมว่าเรียนดีทุกคนก็จะมีความสุข ลูกผมตอนเล็กๆ ถ้าเขาทำอะไรดีๆ แล้วเราชม เขาจะมีความสุขแล้วก็อยากจะทำอีก มันเป็นแรงกระตุ้นที่ค่อนข้างดีและแรง ส่วนการตำหนิ การว่ากล่าวควรจะใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้น
การชมอย่างเดียวบางทีมันจับต้องไม่ได้ ชมมากๆ ก็เบื่อไม่เห็นได้อะไร อาจมีการให้รางวัลบ้าง แต่ก็ต้องระวังการสร้างเงื่อนไขหรือตั้งรางวัล เช่น ให้ของเล่นราคาแพง หรือพาไปต่างประเทศ วิธีการนี้เขาเรียกว่าติดสินบน ลูกคุณจะตั้งใจเรียนเหมือนกัน แต่เรียนเพราะอยากได้สินบนไม่ได้เรียนเพราะอยากมีความรู้ ถ้ารางวัลหมดก็ไม่เรียน วิธีนี้ยังอาจจะเพาะนิสัยต่อรองและละโมบอีกด้วย
การให้รางวัลควรให้เป็นครั้งคราวไม่มากหรือน้อยเกินไป และที่สำคัญควรให้เมื่อลูกประสบความสำเร็จในการเรียนในระดับที่น่าพอใจ หรือมีการพัฒนาการเรียนดีขึ้นกว่าเดิม โดยไม่จำเป็นต้องสอบได้ที่ 1 หรือที่ 2 แค่ลูกเรียนดีขึ้นพ่อแม่ก็น่าจะพอใจ
การให้รางวัลควรให้เมื่อเห็นว่าสมควรให้ ไม่จำเป็นต้องสัญญาล่วงหน้าและไม่จำเป็นต้องให้ทุกครั้ง
อันดับสาม … สร้างบรรยากาศของการเรียนรู้
คนจะเรียนหนังสือต้องอยู่ในบรรยากาศของการเรียน ถ้าไม่มีบรรยากาศทำอย่างไรก็เรียนไม่ได้ พ่อแม่จำนวนมากละเลยในเรื่องนี้อย่างรุนแรง เนื่องจากเหน็ดเหนื่อยกับการงานมา ไม่ได้สนใจว่าลูกจะเรียนอย่างไร
ถ้าวันธรรมดาไม่มีเวลาใส่ใจลูกมากนัก อาจใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์พาลูกไปร้านหนังสือดีๆ ที่มีหนังสือวิชาการ หนังสือสำหรับเด็ก ชวนกันเลือกหนังสือประเภทที่เขาอยากดู อยากรู้ อยากเห็น หรือหาเวลาพาลูกไปเที่ยวตามที่ต่างๆ เช่น สถานที่ทางประวัติศาสตร์ วัดวาอารามที่เกี่ยวกับเรื่องที่ลูกเรียนอยู่ เด็กจะได้เห็นของจริง เวลาเรียนก็จะได้ไม่เบื่อ
การสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ไม่ใช่เรื่องง่าย พ่อแม่บางคนความอดทนต่ำที่จะพาลูกไปในที่ที่ควรไป กลับพาลูกไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า ซื้อของฟุ่มเฟือย รับประทานอาหารจังค์ฟูด จนลูกอ้วนเป็นหมู เพราะมันง่ายกว่ากันเยอะ
อีกเรื่องหนึ่งที่ปัจจุบันนี้แย่งเวลาในการเรียนรู้ของเด็กไปหมด ก็คือเกมส์คอมพิวเตอร์ พ่อแม่ไม่น้อยเลยที่ใจอ่อนทนลูกเซ้าซี้ไม่ได้เลยซื้อให้ และส่วนมากก็ไม่เคยดูด้วยซ้ำไปว่าเป็นเกมที่ทำให้ลูกก้าวร้าวรุนแรงขึ้นด้วย หรือเปล่า แล้วถ้าเด็กติดเกมส์เสียแล้ว ก็จะเอาเวลาไปเล่นเกมส์จนไม่อยากเรียนหนังสือกันแล้ว
อันดับสี่ … รีบขจัดความไม่เข้าใจในเรื่องที่เรียน
อยากให้คุณพ่อคุณแม่ลองนึกย้อนกลับไปสมัยที่ตัวเองยังเป็นเด็ก วิชาไหนเราเรียนแล้วรู้เรื่อง เข้าใจดี ทำให้สอบได้คะแนนดี ทำให้อยากเรียนวิชานั้นมากขึ้น วนเวียนอยู่อย่างนี้ ซึ่งเรียกว่าเป็นวัฏจักรของความสำเร็จในการเรียน ในทางตรงกันข้ามถ้าวิชาไหนเรียนแล้วไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ สอบได้คะแนนไม่ดี ก็ไม่อยากเรียน ซึ่งจะทำให้ไม่รู้เรื่องมากขึ้น เป็นวัฏจักรความเลวร้ายของการเรียน
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีเวลามากพอที่จะดูลูก หรือถึงมีเวลาดูลูกแต่ก็ไม่รู้จะสอนหรืออธิบายลูกอย่างไร ถ้าเป็นอย่างนี้คิดว่าจำเป็นต้องใหเลูก กวดวิชา หรือหาคนมาสอนแทนเชื่อว่าครูผู้สอนมีบทบาทและอิทธิพลต่อการอยากเรียนรู้ของเด็ก ค่อนข้างมาก
อันดับที่ห้า … เพื่อนที่ดี
สำหรับเด็กวัยรุ่นวัยเรียนมักจะเชื่อเพื่อนมากกว่าพ่อแม่ พ่อแม่ต้องเข้าใจและทำใจว่าชีวิตก็เป็นอย่างนี้แหละ เราเองก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ ยอมรับซะว่าเป็นเรื่องธรรมชาติและการแผลงฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศ เพราะฉะนั้นถ้าเพื่อนเป็นพวกชอบเรียน ก็จะพากันเรียน มีอะไรข้องใจก็จะปรึกษากันได้ ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามส่งเสริมให้คบเพื่อนที่ชอบเรียนก็จะดี
และอันดับสุดท้าย … ให้ลูกเรียนในสิ่งที่ลูกอยากเรียน
ย้ำว่าลูกอยากเรียน ไม่ใช่พ่อแม่อยากให้เรียน เราต้องสังเกตว่าลูกชอบอะไรแล้วส่งเสริมเขาให้ได้เรียน พ่อแม่บางคนโปรแกรมไว้หมดแล้วว่าอยากให้ลูกเป็นอะไร บางคนเคยอยากเรียนบางอย่างแต่เรียนไม่ได้ ก็มาเคี่ยวเข็ญให้ลูกเรียนแทนโดยไม่ถามความสนใจของลูกเลย อย่างนี้เข้าข่ายทรมานลูก
เพราะฉะนั้นถามลูกก่อนว่าเขาอยากเรียนอะไร ฝันอยากเป็นอะไร ถ้าไม่เหลือทนหรือเพ้อเจ้อเกินไปก็ยอมๆ ลูกบ้างเถอะ จะได้ไม่มีใครมีความทุกข์ ชีวิตลูกต้องให้ลูกกำหนด เราช่วยกำกับพอแล้ว ถ้าอยากยิงธนูให้ไปไกลๆ และถูกเป้า คันธนูต้องอยู่กับที่ พ่อแม่ก็เช่นเดียวกันต้องทำตัวเป็นคันธนูที่ดีอย่าพุ่งไปกับลูก คือจัดการเรื่องเรียนของลูกทุกอย่าง ถ้าเป็นอย่างนี้ลูกรุ่งยากครับ เพราะแรงส่งธนูจะต่ำครับเพราะไม่วิ่งด้วยตัวเองเลย ภายภาคหน้าเวลามีปัญหาแต่พ่อแม่แก่ตายแล้วจะแก้ปัญหาเองไม่ได้
หวังว่าข้อคิดเห็นทั้งหมดนี้อาจจะเป็นประโยชน์สำหรับคุณพ่อคุณแม่บ้างทุกท่านนะคะ ลองไปปรับใช้หรือเป็นแนวทางให้เด็กๆได้รักและใส่ใจในการเรียนเพิ่มมากขึ้น
ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสาร Life & Family