ศาลหลักเมือง หมายถึงที่สิงสถิตของวิญญาณที่ปกป้องบ้านเมืองใหเ้ปลอดภัย ป้องกันบ้านเมืองจากอริราชศัตรูทั้งหลาย และช่วยปกป้องประชาชน ซึ่งในจังหวัดภูเก็ตมีศาลหลักเมืองทั้งหมด 4 แห่ง วิญญาณที่สิงสถิตเป็นผู้หญิงทั้งหมด และสร้างขึ้นจากไม้ตำเสาซึ่งเป็นไม้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ศาลหลักเมืองภูเก็ตมี 4 แห่ง ประกอบด้วย ศาลหลักเมืองเมืองใหม่, ศาลหลักเมืองท่าเรือ, ศาลหลักเมืองวัดร้าง, ศาลหลักเมืองเลพัง
- ศาลหลักเมืองเมืองใหม่ ตั้งอยู่ที่บ้านเมืองใหม่ ตรงหลัก ริมถนนเทพกระษัตรี เดิมที่แห่งนี้เป็นบริเวณท่าเรือ ได้สร้างศาลขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 พ.ศ. 2352 แต่ปัจจุบันเป็นเสาที่สร้างขึ้นมาใหม่ โดยการนำเสาใหม่ทับเสาเก่า เนื่องในโอกาสฉลอง 200 ปี วีรสตรีเมืองถลางเมื่อ พ.ศ. 2528 เสาแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในศาลาหลังคา 2 ชั้น ด้านหน้าบันเป็นประติมากรรมลวดลายไทย เสาหินขัดทั้ง 4 ด้าน ศาลหันหน้าไปทางทิศตะวันตก ทางเดินปูด้วยหินอ่อน บริเวณข้างศาลมีต้นไม้ให้ความร่มรื่นตลอดเวลา
- ศาลหลักเมืองท่าเรือ ตั้งอยู่ที่บ้านท่าเรือ ต.ศรีสุนทร เป็นศาลา 2 ชั้น ยอดหลังคาประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา ที่หน้าบันเป็นประติมากรรมรูปเทพพนม ทั้งและพื้นศาลาปูด้วยหินอ่อนทั้งหมด และที่ศาลแห่งนี้มีเรือพายขนาด 1 คนนั่งพร้อมไม้พาย ด้วยมีความเชื่อกันว่า แม่หลักเมือง ณ ที่แห่งนี้ เคยไปเข้าฝันคนสมัยก่อนขอเรือสัก 1 ลำ เพื่อเอาไว้พายไปไหนมาไหน เพระสมัยก่อนที่บริเวณนี้เป็นเขตติดกับทะเล ศาลที่นี่หันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก
- ศาลหลักเมืองวัดร้าง ตั้งอยู่ที่วัดร้างป่าสัก (วัดพระขาว) เส้นทางถนนสาย เชิงทะเล- บ้านดอน เข้าไปในบริเวณปากทางวัดก็จะพบศาลที่ตั้งเสา ด้านหน้าบันมีรูปเทพพนม ศาลที่นี่หันหน้าออกไปทางทิศเหนือ และบริเวณที่ตั้งศาลแห่งนี้ ในสมัยก่อนเป็นแหล่งที่มีสัตว์ร้ายชุกชุม
- ศาลหลักเมืองเลพัง ตั้งอยู่ที่ หมู่ 4 ต.เชิงทะล บริเวณหาดเลพัง ข้างโรงแรมบันยันทรี ศาลหลักเมืองที่นี่รอบๆประดับไปด้วยดอกไม้ และต้นไม้สวยๆ แม่หลักเมืองที่นี่มีชื่อันเพราะพริ้งว่า เจ้าแม่เกษิณี
ดูจากจุดที่ตั้ง และการหันหน้าของศาล ศาลหลักเมืองท่าเรือหันหน้าไปทางทิศเหนือ ศาลที่เมืองใหม่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก ศาลที่วัดร้างหันหน้าไปทางทิศเหนือ ศาลที่หาดเลพังหันหน้าออกไปสู่ทะเลทางด้านทิศตะวันตก ทุกจุดที่ตั้งศาลเป็นการปกป้องเมืองถลางอย่างแท้จริง
การสร้างศาลหลักเมืองในสมัยโบราณถือว่าพิธีสร้างพระนคร หรือสร้างบ้านสร้างเมือง ต้องฝังอาถรรพ์ 4 ประตูเมือง ต้องฝังเสาหลักเมืองและเสามหาปราสาท ต้องเอาคนที่มีชีวิต ฝังในหลุมทั้งเป็น เพื่อให้เป็นผู้เฝ้าทวารมหาปราสาทบ้านเมือง ป้องกันอริราชศัตรู มิให้โรคภัยไข้เจ็บเกิดแก่เจ้าฟ้ามหากษัตริย์ผู้ครองบ้านเมือง ในการทำพิธีดังกล่าว ต้องเอาคนที่ชื่อ อิน จัน มั่น คง มาฝังลงหลุมจึงจะศักดิ์สิทธิ์ มีการดูฤกษ์ยามเพื่อค้นหาคน วิธีการก็คือ ระหว่างที่นายนครวัฒเที่ยวเรียกชื่อ อิน จัน มั่น คง ไปนั้น ใครขานรับขึ้นมาก็จะถูกนำตัวไปฝังในหลุม
หลุมเสาหลักเมืองนั้นจะผูกเสาคานขนาดใหญ่ ชักขึ้นเหนือหลุมนั้นในระดับสูงพอสมควร โยงไว้ด้วยเชือกสองเส้นหัวท้าย ให้เสาหรือซุงนั้นแขวนอยู่ตามแนวนอน ส่วนเสาหลักเมืองนั้นจะถูกแขวนให้เป็นแนวตั้ง ครั้นถึงวันที่กำหนดจะกระทำการ ก็มีการเลี้ยงดูผู้เคราะห์ร้ายนั้นให้อิ่มหนำสำราญ แล้วแห่แหนนำไปที่หลุมนั้น พระเจ้าแผ่นดินก็มีรับสั่งให้บุคคลทั้งหมดนั้นเฝ้าประตูเมืองไว้ มีการแจ้งข่าวให้ประชาชนรู้กันให้ทั่ว เมื่อมีคนมาชุมนุมกันมากพอเพื่อเป็นสักขีพยาน และพอถึงเวลาตามฤกษ์ ก็จะตัดเชือกปล่อยให้เสาหล่นลงมาทับคนที่ถูกเลือกให้อยู่ในหลุม…ตราบชั่วนิรันดร
คนโบราณเชื่อว่าผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น จะกลายสภาพเป็นอารักษ์จำพวกที่เรียกว่า ผีราษฎร์ และคนธรรมดาที่ร่ำรวยก็จะใช้วิธีนี้แก่ทาสของตน เพื่อใช้ให้เป็นผีเฝ้าขุมทรัพย์ที่ตนฝังซ่อนไว้ อย่างในสมัยของพม่า การสร้างเมืองใหม่ของพม่า ลักษณะของเมืองเป็นรูปสี่เหลี่ยม จึงมีกำแพงกั้นสี่ด้าน แต่ละด้านมีประตูเมือง 3 ประตู รวมทั้งหมด 12 ประตูด้วยกัน การฝังอาถรรพ์ต้องใช้คนเป็นๆฝังตามประตูเมือง ประตูละ 3 คน และเฉพาะใต้พระที่นั่งในท้องพระโรงต้องฝังถึง 4 คน
คนที่ถูกฝังทั้งเป็นเพื่อให้เป็นผีคอยรักษาเมืองและพระราชวังนั้น ต้องเลือกคนให้ได้ตามลักษณะที่โหรพราหมณ์กำหนด
- จะไม่ใช้นักโทษที่ต้องโทษประหาร แต่จะเป็นคนที่อยู่ในวัยต่างๆกัน ตั้งแต่คนที่อายุมาก จนถึงเด็กผู้หญิงและผู้ชาย
- ทุกคนต้องมีฐานะเป็นที่ยกย่องในกลุ่มชน
- ต้องเกิดตามที่โหรกำหนด ถ้าเป็นชายต้องไม่มีรอยสัก เป็นหญิงต้องไม่เจาะหู
- เมื่อถูกนำตัวมาก็ให้สั่งเสียร่ำลาญาติพี่น้อง แล้วก็จะถูกนำตัวไปลงหลุม ญาติพี่น้องก็จะได้รับพระราชทานรางวัล หรือยศถาบรรดาศักดิ์
อ้างอิง : กลุ่มผู้สนใจประวัติศาสตร์เมืองภูเก็จที่เหลือก็ขึ้นอยู่ที่วิจารณญาณของเราเองที่จะเป็นสิ่งที่ตัดสินว่าการตั้งศาลหลักเมืองภูเก็ต นั้นมีการฝังคนจริงหรือไม่