“เวลาในชีวิตของเรามีอย่างจำกัด ดังนั้นจงอย่าเสียเวลาใช้ชีวิตในแบบของคนอื่น” สตีฟ จอบส์
คุณนันทพร อมรไพโรจน์ หรือคุณเจนนี่ เป็นทายาทนักธุรกิจสาวเลือดภูเก็ตแท้ๆ ซึ่งถือเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่ได้ก้าวขึ้นมารับช่วงดูแลกิจการโรงแรมของครอบครัว ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปโรงแรมเดอะรอยัล พาราไดซ์ โฮเต็ล แอนด์สปา ทั้งยังคอยช่วยเหลือดูแลธุรกิจยานยนต์ในเครือสยามนิสสัน เอ อาร์ อีกหนึ่งกิจการของครอบครัว ซึ่งมีด้วยกัน 2 สาขา คือ สาขาเจ้าฟ้า และสาขาควนดินแดง ที่ชางภูเก็ตคงคุ้นหูคุ้นตากันเป็นอย่างดี ภูเก็ตอินเด็กซ์รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มีโอกาสได้นั่งพูดคุยและรับฟังเรื่องราวของเธอคนนี้ทั้งในแง่ของการทำงานและเรื่องการใช้ชีวิต ที่หลายคนได้ฟังแล้วก็คงได้ข้อคิดไปปรับใช้กับตัวเองกันบ้าง
Phuketidex: ลองเล่าความเป็นมาของคุณเจนนี่ให้เราฟังสักนิด?
คูณเจนนี่: “เจนนี่เรียนจบจากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังจากนั้น เนื่องจากที่บ้านมีธุรกิจโรงแรม จึงตัดสินใจไปเรียนต่อปริญญาโท สาขาการจัดการโรงแรม แล้วกลับมาทำงาน ปัจจุบันนี้ก็ทำงานเข้าปีที่ 4 แล้วค่ะ”
Phuketidex: สิ่งที่อยากทำให้ตื่นเช้า?
คูณเจนนี่: “เจนนี่เชื่อว่า คนเรามีเวลาเท่าๆกัน แต่การที่เจนนี่ได้ตื่นเช้ากว่าคนอื่น จะทำให้เรามีเวลาทำงานมากกว่า เมื่อมีเวลาคิด มีเวลาเตรียมงาน เวลาเห็นผลสำเร็จของงานออกมา เราก็มีความสุข มันทำให้เราอยากตื่นขึ้นมาตอนเช้า เรายังสามารถมีเวลาให้กับครอบครัว มีเวลาให้กับคุณพ่อคุณแม่มากขึ้นด้วยค่ะ”
Phuketidex: คติประจำใจ?
คูณเจนนี่: “คำขวัญประจำใจที่เจนนี่ชื่นชอบ เป็นคำพูดของ Steve Jobs มาจากปาฐกถาในพิธีสำเร็จการศึกษาของนักศึกษามหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเขาบอกว่า “Your time is limited, so don’t waste it living someone else’s life.” (Steve Jobs – 2005) ก็มีความหมายว่า คนเรามีเวลาในชีวิตที่จำกัด ไม่มีใครทราบว่าเราจะมีชีวิตไปอีกนานแค่ไหน เพราะฉะนั้น เราต้องตามหาในสิ่งที่เรามั่นใจ คิดว่าถูกต้อง แล้วดำเนินตามความฝันของตัวเอง แม้ว่าบางครั้งสิ่งที่เราคิด อาจจะไม่เหมือนกับความคิดของคนทั่วไป เราก็ต้องให้กำลังใจตัวเอง และไปให้ถึงเป้าหมายที่เราฝันไว้ อันนี้ก็เป็นข้อคิดที่เจนนี่ยึดถือเสมอมา เช่นเดียวกัน กับการที่เจนนี่เข้ามาทำงาน เราเป็นคนยุคใหม่ที่เข้ามาทำงานกับเพื่อนร่วมงานซึ่งอาจมีความคิดที่แตกต่าง แต่ถ้าเราเชื่อมั่นว่าสิ่งที่เราทำถูกต้อง แล้วมันจะทำให้องค์กรดีขึ้น เราก็ต้องยึดมั่นในสิ่งที่เราตั้งใจ เจนนี่เชื่อว่าผลที่ออกมาหลังจากเวลาผ่านไปจะทำให้ทุกคนมีความสุขค่ะ”
Phuketidex: แรงบันดาลใจในการทำงานและการดำเนินชีวิต?
คูณเจนนี่: “คนที่ให้แรงบันดาลใจ เป็นเหมือนไอดอลของเจนนี่ก็คือคนที่ใกล้อยู่ใกล้ตัว มีอิทธิพลมากที่สุด ก็คือคุณพ่อคุณแม่ของเจนนี่เอง ท่านเป็นแบบอย่างทั้งในเรื่องของการทำงานและการใช้ชีวิต ในเรื่องของการทำงาน ท่านทั้งสองเริ่มจากฐานะธรรมดามากๆ ถือว่าติดลบด้วยซ้ำ แต่ท่านมีความขยัน อดทน มุ่งมั่น จนทุกวันนี้มีกิจการที่มีพนักงานให้ดูแลถึงสี่ห้าร้อยชีวิต และยังเป็นที่รักของลูกน้อง สังเกตได้ว่าพี่ๆ ที่อยู่ด้วยกันในองค์กรจะอยู่กันเป็นครอบครัว อยู่กับเราเป็นสิบๆ ปีเลยค่ะ ส่วนในเรื่องการใช้ชีวิต แม้ปัจจุบันท่านจะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ค่อนข้างดี แต่ท่านทั้งสองก็ยังใช้ชีวิตเหมือนคนปกติทั่วไป ไม่ฟู่ฟ่า ซึ่งเท่าที่เห็นในสังคมปัจจุบันหลายๆคนใช้เงินเกินตัว ซึ่งเจนนี่มองว่ามันเกินความจำเป็น การใช้ชีวิตที่ค่อนข้างติดดิน และรู้จักใช้เงิน เป็นสิ่งที่ดี และตรงกับคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเรื่องของการใช้เงินอย่างพอเพียง ท่านทั้งสองยังคอยดูแลซึ่งกันและกัน สำหรับเจนนี่ มันโอเคในทุกแง่มุม และเจนนี่มองว่ามันเป็นอะไรที่มีความสุขแล้วค่ะ”
Phuketidex: การจุดประกายแนวความคิดใหม่ๆ?
คูณเจนนี่: “เจนนี่โชคดีที่ได้อยู่ในองค์กรที่มีทีมงานที่ดี ไอเดียต่างๆที่เจนนี่ได้มาเกิดจากการได้คุยกับเพื่อนร่วมงาน ทั้งเพื่อนร่วมงานที่เป็นผู้บริหาร แล้วก็บางครั้ง อาจจะด้วยนิสัยส่วนตัวซึ่งเจนนี่ค่อนข้างจะคุยกับพนักงานหลายระดับ ก็จะทำให้เจนนี่ได้ไอเดียจากพี่ๆน้องๆ ที่เจอกับลูกค้าโดยตรง หรือเวลาพวกเขามีไอเดียใหม่ๆ ก็กล้าที่จะเปิดใจคุยให้เราฟัง
Phuketidex: ถ้ามีโอกาสทำงานในร้านอาหาร ตำแหน่งที่น่าสนใจ?
คูณเจนนี่: “ถ้าเจนนี่ได้มีโอกาสทำงานร้านอาหารก็จะเลือกทำตำแหน่งที่หลายๆคนอาจจะไม่คิดถึง คือ ‘Food Runner’ หรือ “คนส่งอาหาร” ซึ่งมีหน้าที่คอยประสานงานระหว่างในครัวกับเด็กเสิร์ฟ เป็นเบื้องหลังที่ทำให้งานราบรื่น ซึ่งคนจะไม่ค่อยรู้ ‘Food Runner’ เปรียบเหมือนน็อตตัวเล็กๆ ของเครื่องจักรใหญ่ๆ ถ้าขาดตำแหน่งนี้ไป มื้ออาหารของลูกค้าก็อาจจะไม่สมบูรณ์แบบ ต้องออกอาหารตอนไหน เขาจะเป็นคนคอยดู อย่างในงานเลี้ยงใหญ่ๆ Food Runner จะคอยดูจังหวะของงาน ต้องทำอะไรต่อ ประสานงานกับในครัว กับทีมต่างๆ ถ้าขาดตำแหน่งนี้ไปเจนนี่ว่างานก็อาจจะไม่ได้ออกมาสมบูรณ์แบบหรือลูกค้าอาจจะไม่ได้รับความพึงพอใจเท่าที่ควรค่ะ”
Phuketidex: งานอดิเรกที่ชื่นชอบ?
คูณเจนนี่: “ชอบท่องเที่ยวค่ะ ยิ่งตอนนี้เราอยู่ในธุรกิจการท่องเที่ยว เจนนี่ก็เลยยิ่งชอบการท่องเที่ยวเข้าไปอีก ทริปที่ชอบที่สุด ก็จะเป็นตอนที่ไปเที่ยวบาเซโลน่า ประเทศสเปน เพราะบ้านเมืองเขามีสถาปัตยกรรม มีดีไซน์ที่แตกต่างจากหลายๆที่ เวลาท่องเที่ยว นอกจากจะเป็นการไปพักผ่อน ได้เห็นสิ่งสวยงามแล้ว ยังเป็นเหมือนการเปิดโลกทัศน์ให้กับเจนนี่ ให้เราได้เห็นสิ่งใหม่ๆ และเนื่องจากธุรกิจโรงแรมเป็นธุรกิจที่ทำให้เราเจอกับคนหลายชนชาติ การที่เราได้ท่องเที่ยว สัมผัสกับผู้คน เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย ก็ทำให้เราได้รู้ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มีความต้องการแบบไหน เพื่อที่สุดท้ายเราจะได้นำสิ่งที่เรียนรู้มาปรับใช้กับการบริการของเราให้ดีขึ้น ให้แขกที่มาพักกับเราได้มีความสุขมากที่สุด การไปเห็นอะไรใหม่ๆ เราก็เกิดไอเดียต่างๆ การพักผ่อนก็เหมือนการชาร์จพลังให้เรากลับมาทำงานได้อย่างมีความสุข เหมือนได้เริ่มต้นใหม่ค่ะ”
Phuketidex: มุมมองของความสุขของคุณ?
คูณเจนนี่: “การที่เจนนี่ได้เห็นความสุขของคุณพ่อคุณแม่ เพราะว่าท่านทั้งสองก็ดูแลเรามานาน ตั้งแต่เราเกิดจนถึงตอนนี้ ดังนั้นอะไรที่เจนนี่สามารถทำให้ท่านทั้งสองรู้สึกสบายใจได้ก็จะพยายามทำ เช่น การเข้ามาดูแลกิจการ มาช่วยแบ่งเบาภาระงาน แล้วก็ได้ใช้เวลาด้วยกัน มีเวลาพาท่านไปทานข้าว พาไปเที่ยว ได้ให้เวลา สำหรับเจนนี่แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขแล้วค่ะ”
Phuketidex: พูดถึงอนาคตในอีกสิบปีข้างหน้า?
คูณเจนนี่: “อีกสิบปีข้างหน้าเจนนี่วาดฝันว่าถ้าสามารถทำงานได้อย่างที่ใจคิดไว้ ก็อยากจะให้องค์กรของเจนนี่ในเครือต่างๆ เป็นหนึ่งในใจของพนักงานที่อยากจะเข้ามาทำงานด้วย อยากให้เราเป็นอันดับต้นๆ ที่คนนึกถึงเวลาจะสมัครงาน เจนนี่อยากให้ทุกคนในองค์กรของเราทำงานอย่างมีความสุข แล้วก็สามารถดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี หลังจากที่เจนนี่สามารถช่วยเหลือคนในองค์กรให้อยู่อย่างมีความสุขได้แล้ว ด้วยความเชื่อส่วนตัวที่ว่าธุรกิจไม่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวคนเดียว ก็อยากจะไปช่วยเหลือในชุมชน เพราะเจนนี่รู้สึกว่าเราต้องเติบโตไปพร้อมๆกัน นี่ก็เป็นเป้าหมายในอนาคตที่เจนนี่คิดว่าอยากจะมีส่วนทำให้กับคนอื่นค่ะ”