
เรื่องและภาพ: สิริพงษ์ มุกดา
บางคนเดินทางตลอดทั้งชีวิตก็ยังไม่สามารถหาตัวเองได้พบ ในขณะที่บางคนเกิดมาก็รู้ทันทีว่าตัวเองชอบทำอะไร ศิลปินคนหนึ่ง โชคดีที่สุดที่ได้พบกับอาชีพที่เขารัก ชายผู้นี้คือตัวแทนของการนำความรักและความสามารถมาหลอมรวมเป็นหนึ่ง แล้วจรดฝีแปรง ปรุงแต่งลวดลายสีสันให้ออกมางดงาม สร้างสุนทรียะให้กับผู้ที่ได้รับชม
เรากำลังพูดถึง ‘วัชรินทร์ รอดนิตย์’ ศิลปินชื่อดังที่โดดเด่นด้วยความสามารถ และดึงดูดด้วยบุคลิกภาพเฉพาะตัวที่ติดตา ในฐานะจิตกรระดับแนวหน้าของภูเก็ต เป้าหมายของเขาไม่ใช่เพียงแค่วาดรูปสวยเพื่อขายให้ร่ำรวย แต่คือการเป็นศิลปินระดับตำนาน ที่ช่วยผลักดันวงการศิลปะบนเกาะสวรรค์แห่งนี้ให้เจริญก้าวหน้า
แน่นอนว่าใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กของทุกคน คือฐานรากสำคัญในการกำหนดตัวตนเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ในอดีตวัชรินทร์คือเด็กเรียนที่นั่งหน้าห้อง ขยันจดจ่อกับทุกวิชา เพื่อมุ่งหวังให้เป็นเลิศในการสอบ แต่ใครจะเชื่อว่าเด็กเรียนแบบเขา กลับมีวิชา ‘ศิลปะ’ ที่สอนกันเพียงแค่สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นวิชาสุดโปรด เด็กน้อยในวันนั้นซื่อสัตย์กับหัวใจของตัวเอง และเริ่มต้นฝึกปรือทักษะศิลปะเรื่อยมา จนสามารถเข้าศึกษาต่อที่ ‘มหาวิทยาลัยศิลปากร’ และนั่นคือเส้นทางสร้างตัวตน ที่ต้องเจอกับบททดสอบหลากรูปแบบ เพื่อดึงความเป็นศิลปินที่มีเอกลักษณ์ และเข้มข้นด้วยฝีมือ ณ ตอนที่ศึกษาจบออกมา วัชรินทร์พร้อมเต็มที่สำหรับการโลดแล่นในวงการศิลปะ จากผลงานชิ้นแรกที่ขายได้เมื่อวัย 17 ปี ราคาพันกว่าบาท ตอนนี้ราคาผลงานของเขาแตะหลักหลายแสนบาทเข้าไปแล้ว
ลายเส้นธรรมชาติสุดพริ้วไหว
หลังจากที่ลองผิดลองถูกมานาน วัชรินทร์ ก็ได้ค้นพบกับสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์ ที่สามารถบ่งบอกลายเซ็นอันชัดเจนในฐานะจิตรกรซึ่งก็คือ ‘ธรรมชาติ’ อดีตเด็กบ้านทุ่งที่ผูกพันกับต้นไม้ น้ำตก ใบหญ้า ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีขอเพียงแค่หลับตา ภาพของทิวไม้ที่ลู่ลมและเสียงธารน้ำไหล ก็ลอยกลับมาในความทรงจำเสมอ ประสบการณ์สุดพิเศษแบบนี้จะไม่มีวันสิ้นสุด หากเขานำกลับมาสรรค์สร้างภาพเขียนในหลากหลายสไตล์ผ่านผืนผ้าใบ และเขาก็ตัดสินใจไม่ผิด เพราะทุกผลงานที่ถ่ายทอดมุมมองธรรมชาติ ล้วนดูชุ่มฉ่ำมีชีวิตชีวาอย่างน่าทึ่ง ผลงานลักษณะกึ่งนามธรรม (Semi Abstract) คือแนวถนัดที่เขาสามารถบรรจงถ่ายทอดเรื่องราวสมจริงจากทั้งอดีตและปัจจุบัน หรือจะเล่าเรื่องราวเหนือจริงตามแต่จินตนาการ
วัชรินทร์ได้แต่งบทกวีบทหนึ่ง ซึ่งแสดงออกถึงความลุ่มหลงในเชิงศิลปะที่มีต่อธรรมชาติ ว่า “ความงามที่เป็นสัจจธรรมของธรรมชาติที่มีพลัง อำนาจเร้นลับมหาศาล โดยอาศัยรูปทรงจากธรรมชาติที่ซ้อนทับมีมิติที่ขัดแย้ง แต่ขณะเดียวกันก็ประสานสัมพันธ์อย่างเป็นเอกภาพ ฝีแปรงที่กระชากลากเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันรุนแรง แต่ทว่าแฝงไว้ซึ่งความนุ่มนวล ละเอียดอ่อน ข้าพเจ้าได้ค้นพบความสมดุลระหว่างอารมณ์ และความรู้สึกแห่งนามธรรม” (พลังฝีแปลงแห่งธรรมชาติ 2008)
ความสูญเสียสู่แรงผลักดันของชีวิต
แม้ร่างกายของเขาจะถูกตกแต่งด้วยเสื้อผ้าสีสดใส บุคลิกท่าทางจะดูสดชื่นเปี่ยมสุขเพียงใด แต่แท้จริงแล้ววัชรินทร์ได้ผ่านเรื่องราวความสูญเสียในชีวิตครั้งร้ายแรง คือ ‘พี่สาว’ ผู้ที่เป็นกำลังใจและผู้ที่เป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต ต้องจากโลกนี้ไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์อย่างกะทันหัน ความเสียใจได้ปกคลุมไปทั้งหัวใจของเขา และสิ่งเดียวที่น้องชายคนนี้จะทำได้ก็คือ ถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานศิลปะเพื่อให้เกียรติและเป็นอนุสรณ์ความรักที่มีต่อพี่สาว และจุดเปลี่ยนในชีวิตอีกครั้งก็คือ การต้องเลิกลากับคู่ชีวิต ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมากว่า 10 ปี อุบัติเหตุทางความรักคืออีกมุมมืดในจิตใจเขา
“ผมเป็นคนที่ทุ่มเทกับทุกอย่างแบบหมดหัวใจ ชีวิตของผมก็คงไม่ต่างจากมนุษย์คนอื่นๆ ที่พบกับทั้งความสุขและความทุกข์คละเคล้ากันไป ปรัชญาในการใช้ชีวิตคือ หากคุณรู้จักที่จะสกัดความทุกข์ออกไปไม่หยิบมันเข้ามาใส่ตัว และมีความสุขแบบพอดีๆ กับลาภยศสรรเสริญที่เข้ามา ผมว่าชีวิตมันจะง่ายขึ้นอีกมาก แต่ผมโชคดีที่สุดที่มีศิลปะเป็นเพื่อนสุดที่รัก เพราะไม่ว่าผมจะมีความรู้สึกดีร้าย ผมมีพื้นที่ส่วนตัวที่จะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกเช่นนั้นลงไป มันเหมือนเป็นสมุดโน๊ตแห่งความทรงจำ ที่มีลวดลายสีสันและเปี่ยมล้นไปด้วยเรื่องราวจากชีวิตจริง ซึ่งสิ่งที่กล่าวมาเป็นยาขนานเอกมีสรรพคุณทั้งเยียวยาและบำรุงหัวใจของผม” วัชรินทร์เผยความรู้สึกกับเรา
จิตวิญญาณของความเป็นศิลปิน
วัชรินทร์ คือหัวหอกของกลุ่ม “ชิโน อาร์ต” มีสมาชิกเป็นกลุ่มศิลปินในภูเก็ต ประมาณ 15 คน ได้รวมกลุ่มสร้างผลงานและจัดกิจกรรมศิลปวัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง มีผลงานเป็นที่ยอมรับจากทั้งชาวไทยและต่างชาติ จุดประสงค์หลักในการทำงานของพวกเขาก็คือ พัฒนาวงการศิลปะในจังหวัดภูเก็ต เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงงานศิลปะได้อย่างง่ายดาย เพราะเชื่อว่าสามารถยกระดับสังคมได้ ช่วยยกระดับความคิดสร้างสรรค์ให้กับเยาวชน อีกทั้งใช้ต่อยอดด้านการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมหาศาลกับจังหวัดแห่งนี้ โดย 2 โมเดลหลัก ที่ทางกลุ่มกำลังต่อสู้อย่างสุดกำลัง เพื่อโน้มน้าวให้ภาคประชาชนและฝ่ายบริหารที่มีอำนาจเห็นพ้องด้วย ก็คือ
1 ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมที่มีชีวิต ภูเก็ต
ศูนย์กลางทางศิลปวัฒนธรรมของภูเก็ต ที่ครบครันด้วยศาสตร์และศิลป์ทุกแขนง นอกจากสุนทรีย์ทางอารมณ์ที่จะได้รับ ผลรับทางการท่องเที่ยวจะเกิดขึ้นได้แน่นอนแบบไม่ต้องพึ่งฤดูกาลท่องเที่ยว
2. ประติมากรรม แลนด์มาร์ค
เมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆทั่วโลก จะมีการตกแต่งเมืองด้วยผลงานศิลปะทั้ง ประติมากรรม และสถาปัตยกรรม ที่งดงามและดึงดูดความสนใจของผู้คน แต่จังหวัดภูเก็ตยังขาดจุดนี้ไป ด้วยการก่อสร้างซึ่งไม่ต้องใช้ทุนทรัพย์มาก อาจจะเป็นวัสดุรีไซเคิลก็ได้
วัชรินทร์อธิบายเพิ่มเติมว่า “ทางกลุ่มศิลปินมีอุดมการณ์ที่แรงกล้า และเชื่อมั่นในศักยภาพของภูเก็ต พวกเราอยากเป็นคนจุดประกายให้เมืองแห่งนี้เห็นถึงความสำคัญของศิลปะ เราอยากสร้างอัตลักษณ์ให้ลูกหลานได้ซึมซับ และอยากบอกกับชาวต่างชาติที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงนี้ว่า คนภูเก็ตมีเอกลักษณ์ ซึ่งเราเชื่อมั่นแบบเต็มหัวใจว่าศิลปะตอบโจทย์ได้แน่นอน แต่ก่อนอื่นเราอยากให้ทุกคนคิดเหมือนเรา และเชื่อเหมือนเรา นั่นคือความฝันของศิลปินทุกคน หากสิ่งที่ผมปรารถนาเกิดขึ้นได้จริง เชื่อผมเถอะว่าสิ่งมหัศจรรย์จะบังเกิดขึ้นด้วยมนตราของศิลปะ”
ตลอดระยะเวลาการสัมภาษณ์ ‘วัชรินทร์ รอดนิตย์’ ผู้เขียนปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้รับเกียรติพูดคุยกับคนดีคนหนึ่งในสังคมภูเก็ต ทุกเรื่องราวที่เขาเล่าออกมา มันกระแทกความรู้สึกเข้าอย่างจัง เพราะในสังคมที่คนเก่งมักจะกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเองเพียงผู้เดียว แต่ก็ยังมีคนบางกลุ่มที่แบ่งปันความเก่งของเขาช่วยขับเคลื่อนสังคม แม้การต่อสู้จะยากลำบากหรือขลุกขลักเพียงใด ‘แรงบันดาลใจ’ คือกุญแจสำคัญที่วัชรินทร์ใช้ขับเคลื่อนโลกอันงดงามของเขา คำขอบคุณยังน้อยไปสำหรับช่วงเวลาสุดพิเศษที่ผู้เขียนได้รับจากสุดยอดศิลปินผู้นี้
“ความจริงเลี้ยงชีวิต ความฝันเลี้ยงจิตวิญญาณ” (วัชรินทร์ รอดนิตย์)
วัชรินทร์ อาร์ต สตูดิโอ
27 ถนนเยาวราช ตำบลตลาดใหญ่ เมืองภูเก็ต
โทร. 088 386 1449 อีเมล์ watcharintinorodnit@hotmail.com
www.watcharinartstudio.com