คุณเรวัต อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ผู้คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการมืองมากว่า 30 ปี การันตีด้วยตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 สมัย ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะมีกระบอกเสียงที่มีคุณภาพ นำพาพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ตไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต และสังคมที่น่าอยู่ต่อไป
ก่อนมาทำงานการเมืองเพื่อบริการประชาชน ทำอะไรมาก่อน และอะไรทำให้เข้ามาในแวดวงการเมือง
ผมขออนุญาตย้อนหลังไปนิดนึงนะครับ ก่อนหน้านี้ผมเองได้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด โดยได้จัดตั้งชมรม “รักราไวย์” เพื่อดูแลผู้คนในพื้นที่ตำบลราไวย์ หลังจากนั้นก็ขยายไปยังในเมืองและทั่วทั้งจังหวัดภูเก็ต ผมชอบทำกิจกรรมทางด้านสังคมครับ
บทบาททางการเมืองในอดีตที่ผ่านมา
ในปี 2550 ผมมีโอกาสได้รับการพิจารณาจากพรรคประชาธิปัตย์ ให้เป็นตัวแทนผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต ด้วยรัฐธรรมนูญสมัยนั้น จังหวัดภูเก็ตถือเป็นเขตเลือกตั้งเดียวซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ 2 คน ซึ่งผมเองก็ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งคู่กับนายทศพล เทพบุตร และได้รับเลือกอีกครั้งเป็นสมัยที่สองในปี 2554 จนกระทั่งมีการยุบสภาในปี 2556 ครับ
ภาระหน้าที่ทางการเมืองในปัจจุบัน
หลังจากการยุบสภา ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้เข้ามาบริหารบ้านเมือง จนกระทั่งมีการจัดการเลือกตั้งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2562 ที่ผ่านมา แต่ครั้งนี้ผมไม่มีโอกาสที่จะได้เข้ามาทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ได้มีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาล ผมจึงได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงานในฐานะผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ภายใต้ท่านสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขครับ
อนาคตที่คาดหวังไว้กับบทบาททางการเมือง
ผมอยากให้บ้านเมืองมีความเจริญรุ่งเรือง มีความเจริญก้าวหน้าเทียบเท่าอารยะประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนปรารถนา แต่การจะได้สิ่งเหล่านี้มาเราทุกคนต้องร่วมด้วยช่วยกันในทุกภาคส่วนและทุกพรรคการเมืองนะครับ
พัฒนาบทบาทความเป็นผู้นำขึ้นมาได้อย่างไร
ผมเป็นสมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์มายาวนานตั้งแต่ปี 2529 และได้ติดตามบทบาทของสมาชิกพรรคคนแล้วคนเล่า อีกทั้งยังได้รับโอกาสเข้ามาทำงานเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ต 2 สมัย ทำให้ผมมีโอกาสเรียนรู้จากผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ที่มีความสามารถ และมีความตั้งใจในการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศ ผมจึงได้ยึดท่านเหล่านั้นเป็นแบบอย่างมาโดยตลอดครับ
บุคคลต้นแบบของคุณคือใคร เพราะอะไร
บุคคลต้นแบบในพรรคประชาธิปัตย์มีหลายท่านนะครับ แต่ผมขออนุญาตยกท่านชวน หลีกภัย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานรัฐสภาเป็นต้นแบบ ท่านชวนเป็นต้นแบบของนักการเมืองหลายคน โดยเฉพาะในเรื่องการยึดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ตั้ง ถือผลประโยชน์ของชาติเป็นที่หนึ่ง ผมเองได้มีโอกาสสนทนาเรื่องคติที่ท่านยึดถือ นั่นคือการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน ยึดประชาชนเป็นหลักในการพัฒนาประเทศ หัวใจสำคัญที่จะครองใจพี่น้องประชาชนและสร้างความศรัทธาให้กับประชาชนได้นั่นคือต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชน เมื่อได้กลับมาบ้านเกิดตัวเองนอกเหนือจากงานหลักก็ยังถือโอกาสลงพื้นที่พบปะสอบถามทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน ซึ่งผมเองก็ได้ถือปฏิบัติมาโดยตลอด โดยการลงพื้นที่ทุกครั้งที่ผมไม่มีภารกิจไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่มีตำแหน่งก็ตาม
คติประจำใจของคุณ ที่ยึดถือมาตลอด
ความซื่อสัตย์สุจริตครับ เช่นเดียวกับที่ผมให้ความรักความเคารพ และศรัทธาท่านชวน ก็เพราะท่านมีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความเข้าอกเข้าใจในความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนครับ
สิ่งที่ภูมิใจที่สุดกับการมาทำงานทางการเมือง
สิ่งที่ภูมิใจที่สุดที่ในการทำงานด้านการเมืองในจังหวัดภูเก็ตหรือการเป็นตัวแทนของชาวภูเก็ตก็คือ การที่เราได้มีโอกาสร่วมกันพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ได้นำความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่มานำเสนอในสภาเพื่อร่วมกับรัฐบาลในการแก้ปัญหาและพัฒนาจังหวัดของเรา กับตำแหน่งปัจจุบันผมจะใช้ความรู้ความสามารถของผมมาปรับใช้ร่วมกับองค์กรที่ผมอยู่คือกระทรวงสาธารณสุข เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนภูเก็ต และทำให้พี่น้องชาวภูเก็ตสามารถเข้าถึงสวัสดิการทางการแพทย์ของรัฐได้อย่างแท้จริงครับ
ภูเก็ตในมุมมองของคุณควรพัฒนาในแนวทางไหน
ภูเก็ตต้องพัฒนาใน 3 ประการนะครับ ประการแรกคือปัญหาจราจร ผมคิดว่ารัฐบาลชุดนี้ควรสร้างระบบขนส่งมวลชนซึ่งอาจจะเป็นรถเมล์ รถไฟฟ้าหรือสิ่งอื่นที่จะอำนวยความสะดวกให้กับคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยว สิ่งต่อมาคือเรื่องของการศึกษา ภูเก็ตในตอนนี้มีทั้งประชาชนจริงที่ลงทะเบียนบ้านอยู่ 4 แสนคนเศษ และยังมีประชาชนแฝงที่มาจากภาคต่างๆทั่วประเทศอีกประมาณ 1 ล้านคน นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของการจัดการการบริการด้านสาธารณสุขนะครับ
บทบาทหน้าที่ ที่ได้รับในปัจจุบัน สามารถนำมาพัฒนาภูเก็ตอย่างไรได้บ้าง
บทบาทในการเป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นสิ่งที่ผมเองก็มีความเข้าใจในปัญหานี้อยู่แล้ว อย่างที่พูดในตอนต้นว่าเรามีประชากรแฝงเยอะมาก ดังนั้นเราจึงต้องรีบพัฒนาการบริการด้านสาธาณสุขให้กับพี่น้องประชาชน ยกตัวอย่างเช่นบุคลากรทางการแพทย์ อาคารผู้ป่วยหรือแม้กระทั่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่หัวใจสำคัญคือเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพดี อยากให้ระมัดระวังในเรื่องของการรับประทานอาหาร ซึ่งถ้าเราสร้างนิสัยที่ดีให้กับประชาชนในเรื่องความเป็นอยู่ ในเรื่องการกินอาหาร นั่นจะทำให้เราไม่ต้องพึ่งพาโรงพยาบาลเลยนะครับ
สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ามาทำงานในสายการเมือง อะไรคือทักษะที่ต้องพัฒนาขึ้นมาบ้าง
ผมคิดว่าคนทุกเพศทุกวัยสามารถเข้ามาพัฒนาเมืองภูเก็ตได้ ไม่จำเป็นต้องดูที่การศึกษาหรือฐานะ ทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรานะครับ ขอเพียงเรามีความมุ่งมั่น มีความเชื่อมั่นว่าจะมาร่วมพัฒนาได้ โอกาสมีอยู่หลายเวทีตั้งแต่การเมืองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. หรือเทศบาล หรือจะเป็นการเมืองระดับชาติ มันมีหลายชั้นหลายระดับที่เราจะไปเล่นได้ ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาจังหวัดภูเก็ตร่วมกัน ดังนั้นคุณไม่จำเป็นต้องมีทักษะอะไรมากมาย อยู่ที่ความขยันอดทนและซื่อสัตย์ อยู่ที่ “ใจ” อย่างเดียวครับ ถ้าอยากจะมาพัฒนาภูเก็ตด้วยกันขอแค่มีความซื่อสัตย์สุจริต ไม่ว่าสุจริตทางใจหรือสุจริตทางกายหรือสุจริตทางความคิดนั่นถือเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการทำงานของนักการเมืองครับ
สุดท้ายนี้ผมต้องขอขอบคุณนิตยสาร Phuket Index ที่ได้เข้ามาสัมภาษณ์พูดคุย และอยากฝากพี่น้องประชาชนทุกคนให้เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ไม่ว่าจะด้วยความคิด ความรู้ความสามารถหรือแม้แต่แนวคิดของท่าน ผมพร้อมรับฟังเสมอ ไม่ว่าจะเสียงส่วนใหญ่ เสียงส่วนน้อยหรือแม้แต่เสียงเล็กๆ ผมเองเป็นคนภูเก็ตคนหนึ่งและพร้อมจะเป็นตัวแทนของจังหวัดภูเก็ตในการพัฒนาบ้านเมืองของเราครับ ขอบคุณครับ